วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แกงไตปลา ที่อร่อยจังหู้ ววววว

 มาม๊าาาา  มาดูวิธีการทำแกงไตปลา กันนนนนนน

 มะละกอหลังบ้าน มี 2 ต้นกำลังออกลูกดกมาก กินกันเองในบ้านไม่หมดแถมยังเอาไปแบ่งให้เพื่อนบ้านทานกันได้อีกด้วย มะละกอต้นนี้ไม่มีเมล็ดเลย คุณยายให้ผมสอยมะละกอลงมา 1 ใบ (ลูกละประมาณ 7-8 ขีด) เพื่อเตรียมเอามาใส่งลงไปในแกงไตปลา


มะละกอก็ถูกคุณยายปอกเปลือกและหั่นให้เป็นชิ้น ดังภาพ เสร็จแล้วไปเตรียมวัตถุดิบอื่นๆ ดีกว่า ...


 

เครื่องแกงไตปลา 2 ถุง น้ำหนักรวม 1/2 กก. (นน.ถุงละ 2.5 ขีด - 2 ถุง ราคา 40 บ.)สั่งตรงมาจากเมืองคอน ก็ถูกเอาออกมาจากตู้เย็น 

ปลาย่าง ~ 1 กก. ใช้ปลาอะไรก็ได้ที่เขาย่างแล้ว เช่น ปลาซาบะ ปลาเนื้ออ่อน เป็นต้น มาฉีกให้เป็นชิ้นๆถามว่าปลาที่ใช้เป็นปลาอะไร คุณยายก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่บอกว่า ขอให้เป็นปลาย่างเป็นใช้ได้ 

แถมยังมีปลาทูสด เอามาย่าง ~ 8 ตัว (ประมาณ 1 กก.)

 
 แกะเนื้อปลาทูออกจากก้าง เวลาแกะต้องให้เป็นชิ้นใหญ่ๆ นะครับ เพราะถ้าชิ้นเล็ก เนื้อจะเละเกินไปตอนต้ม
เราทำทานเองแบบนี้ ใส่ปลาได้เต็มที่ แต่ถ้าไปซื้อกินคงจัดหนัก ใส่เนื้อปลาเยอะๆ แบบนี้ไม่ได้

ฟักทอง ~1 กก. หั่นเป็นชิ้นใหญ่ ดังภาพ


หน่อไม้ที่ต้มสุกแล้ว ~1/2 กก.


ส้มแขก 5-6 ชิ้น(ถ้าเป็นชิ้นใหญ่) ถ้าเป็นชิ้นเล็กก็ประมาณ 10 ชิ้น ใส่มากก็จะเปรี้ยวเกินไป


สับปะรด 1 ลูก ประมาณ 1 กก. หั่นเป็นชิ้น 


มะเขือพวง ประมาณ 1/2 ขีด เด็ดขั้วออก แช่น้ำไว้ก่อนนะครับ


เตรียมเครื่องพริกแกง ประกอบด้วย ...
กiะเทียมแกะกลีบ 4-5 หัว
ตะไคร้หั่นซอย 4-5 ต้น
หอมแดง 7-8 หัว
เม็ดพริกไทย ครึ่งขีด
พริกขี้หนูแห้ง ครึ่งขีด
พริกขี้หนูสด ครึ่งขีด

 มองจากด้านข้างจะเห็นปริมาณที่ใส่ รวมๆ กันแล้วก็เยอะเหมือนกันนะครับ เอาทุกอย่างที่เห็นไปใส่ในเครื่องปั่น


 เตรียมปั่นให้ละเอียด


 เมื่อปั่นเสร็จแล้ว ก็จะได้เครื่องพริกแกงที่ปั่นแล้ว ดังภาพเมื่อวัตถุดิบทุกอย่างเตรียมพร้อม คุณยายก็เริ่มปรุงอาหาร โดยเริ่มจาก ...


นำถุงเครื่องแกงไตปลา 2 ถุง เอามาต้มกับน้ำเปล่า ~1.5 ลิตร

 เมื่อเดือดเล็กน้อย คุณยายก็ใส่ตะไคร้ 5-6 ต้น (ทุบหััว) หอมแดง 5-6 หัว (แค่แกะเปลือก)ข่าเท่าหัวแม่มือ 1 แง่ง (ผ่าเป็นแว่นสัก 3-4 แว่น) ขมิ้น 1 แง่ง (ใหญ่ก็ได้ เล็กก็ได้) 

จากนั้นก็ใส่ใบมะกรูดประมาณ  5-6 ใบ (ฉีกหรือไม่ฉีกก็ได้) ทั้งหมดใส่ลงไป ต้มให้เดือด


 เมื่อน้ำไตปลาเดือดแล้ว คุณยายก็เอาพวกผักต่างๆ ที่ต้มไว้ นำมาแยกกากออกจากน้ำไตปลา (กากเอาไปทิ้ง) 

เมื่อได้น้ำไตปลาแล้ว คุณยายก็นำน้ำที่ได้นั้นมาใส่หม้อ โดยใช้ไฟกลางๆ เตรียมทำแกงไตปลาในขั้นตอนต่อไป  

 คุณยายเริ่มจากใส่กะปิ (สำหรับใส่แกง) ลงไป 1 ขยุ้มมือ


 เมื่อน้ำไตปลาที่ต้มเดือดระดับหนึ่งแล้ว คุณยายก็ใส่เครื่องแกงที่ปั่นละเอียดแล้วลงไป


ตั้งไฟให้น้ำเดือด ในขั้นตอนนี้อาจจะมีฟองบ้าง ก็ใช้ทัพพีช้อนฟองออก 

 เมื่อน้ำไตปลาและเครื่องแกงผสมเข้ากันดี และเดือดแล้วคุณยายก็เริ่มใส่ผักที่สุกยากก่อน โดยเริ่มจาก...มะละกอ 

หน้าตาของมะละกอที่ลงไปลอยคอในหม้อต้ม 

 จากนั้นก็ใส่ฟักทองลงไป 

หน้าตาของฟักทอง และมะละกอ ที่ลงไปลอยคออยู่ในหม้อ 


จากนั้นก็ใส่หน่อไม้ลงไป 


 หน้าตาของหน่อไม้ ฟักทอง และมะละกอ ที่คุณยายจัดลงไปในหม้อ

 คุณยายใส่น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนกินข้าว ลองชิมรสชาติหวานมากน้อยตามชอบใจ


จากนั้นก็คนให้ทุกอย่างเข้ากัน ถ้ามีฟองก็ตักทิ้งบ้าง 


ากนั้นก็ใส่ส้มแขก 5-6 ชิ้นลงไป ส้มแขกจะช่วยให้แกงไตปลามีรสเปรี้ยว และอร่อยมากขึ้น 


ใส่ใบมะกรูดสัก 10 ใบ (ฉีกแบ่งครึ่ง) 


 คนให้เข้ากัน ถ้ามีฟองก็ตักทิ้งเหมือนเดิม

 เมื่อผักที่ใส่ลงไปทุกอย่าง ดูเหมือนจะสุกแล้วก็เตรียมใส่ผักที่สุกง่ายลงไป โดยเริ่มจากสับปะรดลงไป 

ตามด้วยมะเขือพวง  

คนให้เข้ากันสักพัก ก็เตรียมใส่ ...   

 ปลาย่าง 

 ตามด้วยปลาทูย่างที่ฉีกเนื้อลงไปในหม้อ


 คนให้เข้ากัน เมื่อทุกอย่างสุกแล้วก็ปิดไฟ


"แกงไตปลา" ฝีมือคุณยายก็เสร็จแล้ว เตรียมพร้อมเสริ์ฟให้เพื่อนๆ กันได้เลย


 วันนี้น้ำเลยจัดแกงไตปลากับขนมจีนให้เพื่อนๆ ทานกัน เตรียมจานมาใส่แกงกันได้เลยค๊าาหรือถ้าเพื่อนๆ อยากทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ไม่ผิดน๊าาา 

ตักแกงไตปลาราดลงไปที่ขนมจีน ดูแล้วน่าทานไหมไปเตรียมผักเคียงที่ขึ้นรอบๆ บ้านกันดีกว่า ผักเคียงนี้เป็นผักที่ขึ้นอยู่รอบๆ บ้าน ประกอบด้วย...ใบบัวบก ใบโหระพา ยอดใบกะเพรา ผักวอเตอร์เครส ใบชะพลู ผักชีลาว ผลมะเฟือง 


ขอขอบคุณเพื่อน ๆที่ติดตามบล๊อคน่ะค๊าา อาหารใต้ที่อร่อยสุดๆขออบคุณยายมาลีที่มาบอกเคล็ดลับอร่อยๆและขอบคุณพี่ Oknation น่ะค่ะที่นำภาพสวยๆ มาฝาก  ขอบคุณมากๆน่ะค่ะๆๆๆ


"แฮกเกอร์ (Hacker) ภัยร้ายที่คุณควรระวัง

 "แฮกเกอร์ (Hacker) 

คือ บุคคลที่มีความสนใจในกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง แฮกเกอร์ส่วนใหญ่ต้องมีความรู้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าโปรแกรมเมอร์ โดยจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขามีความใส่ใจที่จะนำความรู้พื้นฐานที่ผู้อื่นมองว่าธรรมดามาประยุกต์ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่ในสังคมดิจิตอลอยู่ตลอดเวลา แฮกเกอร์จะมีความเข้าใจในจุดอ่อนของระบบและที่มาของจุดอ่อนนั้นๆ เนื่องจากคอยติดตามข่าวสารและความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การกระทำใดๆ ที่เกิดจากการศึกษาของแฮกเกอร์จะต้องแน่ใจแล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูล"

      วิธีการที่ Hacker และ Cracker ใช้เข้าไปก่อกวนในระบบ Internet มีหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมมากมี 3 วิธี ดังนี้1.Password Sniffers เป็นโปรแกรมเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในเครือข่าย และถูกสั่งให้บันทึกการ Log

 on และรหัสผ่าน (Password) แล้วนำไปเก็บในแฟ้มข้อมูลลับ2. Spooling เป็นเทคนิคการเข้าสู่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะทางไกล โดยการปลอมแปลงที่อยู่อินเนอร์เน็ต (Internet Address) ของเครื่องที่เข้าได้ง่ายหรือเครื่องที่เป็นมิตร เพื่อค้นหาจุดที่ใช้ในระบบรักษาความปลอดภัยภายใน วิธีการคือ การได้มาถึงสถานภาพที่เป็นแก่นหรือราก (Root) ซึ่งเป็นการเข้าสู่ระบบขั้นสูงสำหรับผู้บริหารระบบ เมื่อได้รากแล้วจะสร้าง Sniffers หรือโปรแกรมอื่นที่เป็น Back Door ซึ่งเป็นทางกลับลับๆใส่ไว้ในเครื่อง3. The Hole in the Web เป็นข้อบกพร่องใน World -Wide-Web (WWW ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติการของ Website จะมีหลุมหรือช่องว่างที่ผู้บุกรุกสามารถทำทุกอย่างที่เจ้าของ Site สามารถทำได้ 


4 วิธีป้องกันไวรัสและแฮกเกอร์

แอนตี้ไวรัสที่ดีต้องอัพเดตข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ได้ตลอดเวลาและไม่กินเนื้อที่



โปรแกรมแอนตี้ไวรัสคืออาวุธหลักที่จะช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ให้รอดพ้นจากการโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นโปรแกรมสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกท่านต้องติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว เพราะโปรแกรมถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกัน ค้นหา และทำลายไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการทำงานผิดพลาดของโปรแกรมต่างๆ และระบบประมวลผลในเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงต้องเป็นโปรแกรมที่อัพเดตข้อมูลไวรัสจากทางเซิร์ฟเวอร์บริษัทผู้ผลิตตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องไม่กินพื้นที่การทำงานบนเครื่องมากจนเกินไปนักเพราะอาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ช้าลง ซึ่งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสสามารถหาซื้อได้จากร้านขายโปรแกรมทั่วไปและมีให้เลือกมากมายหลากหลายค่ายผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นของบริษัท McAfee, Kaspersky Lab, หรืิอ Eset (Nod32) ฯลฯ หรือเราอาจดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตก็ได้ เพราะปัจจุบันบริษัทได้ทำโปรแกรมออกมาให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรี เช่น ของค่าย AVG เป็นต้น

สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Firewall (ไฟร์วอลล์) จัดเป็นโปรแกรมพื้นฐานอีกหนึ่งอย่างที่ำจำเป็นต้องติดตั้งเอาไว้ในเครื่อง เพราะ Firewall จะทำหน้าที่เสมือนเป็นกำแพงผู้พิทักษ์ในการตรวจสอบการส่งผ่านข้อมูลจากระบบเน็ตเวิร์กมายังตัวเครื่องและจากตัวเครื่องออกไปสู่ระบบเน็ตเวิร์ก มันช่วยบล็อกการส่งข้อมูลที่ไม่จำเป็นรวมถึงการเข้าถึงข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จากภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ ช่วยห้ข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ปลอดภัยและไม่ถูกเจาะระบบเพื่อดูดเอาข้อมูลความลับทางธุรกิจออกไปอย่างแน่นอน

การติดต่อสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กรบริษัทไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือต่างสถานที่ผ่านระบบโครงข่ายเซิร์ฟเวอร์ของทางบริษัทจำเป็นต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากเป็นพิเศษ เพราะข้อมูลลับทางธุรกิจส่วนหนึ่งถูกส่งผ่านช่องทางนี้เช่นกัน การใช้ระบบเครือข่าย VPN (Virtual Private Network) จะช่วยให้การส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทมีความปลอดภัยและรัดกุมมากขึ้น เพราะมีการเข้ารหัสด้วยตัวระบบก่อนที่ทำการส่งข้อมูลเสมอ จึงเป็นเรื่องยากหากผู้ไม่ประสงค์ดีจะมาดักและแท็บข้อมูลไปจากเครือข่าย
ควรเปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ผู้ประกอบการต้องให้พนักงานตั้งรหัสผ่านส่วนบุคคลเพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริงของพนักงานผู้นั้นเพื่อล็อกอินเข้าใช้ระบบหรือดาวน์โหลดเอกสารสำคัญของบริษัทด้วย การตั้งค่ารหัสผ่านจัดเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผู้ประกอบการควรทำเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายในการทำธุรกิจ เพราะมีความปลอดภัยสูงมากและต้นทุนการดำเนินงานไม่มากนัก หลักการตั้งรหัสผ่านที่ดีคือต้องตั้งรหัสเป็นตัวอักษรผสมกับตัวเลขที่คาดเดาได้ยากและควรมีจำนวนอย่างต่ำ 8 ตัว และหากเป็นในส่วนการเข้าถึงข้อมูลหรือเพื่อดาวน์โหลดเอกสารสำคัญของบริษัท รหัสผ่านควรมีการเปลี่ยนสม่ำเสมอด้วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก
วิธีการป้องกันข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ประกอบการให้รอดพ้นจากการโจมตีด้วยไวรัสและการล้วงข้อมูลของเหล่าบรรดานักแฮกเกอร์ที่ดีที่สุดต้องเริ่มต้นที่ตัวของผู้ประกอบการและพนักงานก่อนเป็นสำคัญ เพราะวิธีการที่นำเสนอมาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากผู้ใช้งานขาดซึ่งความรู้และทำตัวไม่ภักดีต่อบริษัทด้วยการนำข้อมูลจากภายในออกไปให้คู่แข่งภายนอก ดังนั้นนอกจากการสแกนคอมพิวเตอร์เพื่อหาไวรัสแล้ว ก็ควรสแกนพนักงานเพื่อหาสายลับควบคู่กันไปในตัวด้วย จึงจะเป็นการป้องการรั่วไหลของข้อมูลที่ดีที่สุด เพราะถึงอย่างไรเสียไวรัสที่ว่าร้ายก็ยังมิอาจสู้ใจคนที่คิดคดเป็นแน่แท้
ขอขอบคุณเพื่อน ๆทุกคนน๊าค่ะที่ติดตามบล๊อคของน้ำ ยังไงเพื่อน ๆก็นำวิธีการเหล่านี้ไปใช้
ได้น่ะค่ะ
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อมูลที่เป็นความลับของเรารั่วไหล จากฝีมือร้ายเงียบอย่างแฮกเกอร์

สำหรับวันนี้  ขอบ๊ายบายยยยย.....

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


>>>>>วันนี้น้ำจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับการขนมลาและวิธีการทำขนมลาของชุมชนสันติสุขชุมชนที่น้ำอยู่ค่ะ ซึ่งจะหาดูได้ยากมากเพราะเป็นขนมที่มีแต่ทางภาคใต้เท่านั้นและที่สำคัญเป็นขนมโบราณที่น้ำชอบมากด้วย อิอิ  ตามมาดูกันนนน๊าาา

ขนมลา

เป็นขนมหวานพื้นบ้านของทางภาคใต้ ของประเทศไทยซึ่งทำ

มาจากแป้งข้าวเจ้า เป็นขนมสำคัญหนึ่งในห้าชนิดที่ใช้สำหรับ

จัดหฺมฺรับเพื่อนำไป ถวายพระสงฆ์ในงานประเพณีบุญสารท

เดือนสิบ ซึ่งเป็นงานบุญประเพณีที่สำคัญของโดยอุทิศส่วน

กุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ 

วัตถุดิบในการทำ

1. ข้าวสารเจ้า 1 1/2 ลิตร 


2. ข้าวสารเหนียว 1/8 ลิตร


3. น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม


4. น้ำตาลปี๊บ 1/8 กิโลกรัม


5. น้ำมันสำหรับทากระทะ

ขั้นตอนในการทำขนมลา

>>>>>เริ่มแรกน่ะค่ะน้ำนำข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว ใส่

ชามรวมกันซาวรวม กันให้ สะอาด แช่น้ำไว้ 3 ชั่วโมง                  
ขั้นตอนที่2 

สงข้าวใส่ตะกร้าที่รองด้วยใบมะละกอ แล้วปิดด้วย

ใบ

มะละกอ เช่น เดียวกัน วางตะกร้าในที่ร่ม ใช้น้ำราดเข้าเย็น ทุก

วัน เพื่อให้ ข้าวเปื่อยยุ่ยทิ้งไว้ 3 วัน


ขั้นตอนที่3 

นำข้าวใส่ครกตำให้ละเอียด หรือจะใช้โม่โม่ให้

ละเอียดก็ได้ เมื่อละเอียดแล้วเติมน้ำ คนให้แป้งกระจายตัว

กรองด้วยผ้า ขาวบาง แล้วตั้งทิ้งไว้ให้แป้งนอนก้น รินน้ำใส

ข้างบนออก ทิ้งไป ส่วนแป้งนั้นให้ใส่ห่อผ้าทับน้ำต่อจนแห้ง


ขั้นตอนที่4 

เชื่อมน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บกับน้ำเล็กน้อย ให้

เป็น น้ำเชื่อม ข้น ๆ วางพักไว้ให้เย็น


ขั้นตอนที่5 

เติมน้ำเชื่อมลงในแป้งทีละน้อย นวดให้เข้ากัน ควร

นวดนาน ๆ ประมาณ 20 นาที เติมน้ำเชื่อมต่อจนแป้งเหลว เมื่อ

ยกมือขึ้น แป้งจะไหลเป็นสายไม่ขาดก็ใช้ได้


ขั้นตอนที่6 ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ๆ ใชไข่แดงต้มผสมน้ำมันเช็ด

กระทะ ให้ ทั่วเพื่อป้องกันขนม ติดกระทะ ถ้าขนมไม่ติดกระทะ

แล้วใช้ น้ำมันเช็ดกระทะเพียงอย่างเดียว


ขั้นตอนที่7 

เมื่อกระทะร้อน ตักแป้งใส่กระป๋อง โรยเส้นลงบน

กระทะโดย ส่ายกระป๋องให้เป็นวงกลม เมื่อเส้นซ้อนหนาพอควร

จึงหยุด โรยพอ

ขั้นตอนที่8 เส้นสุกออกสีเหลืองนวล ใช้ไม้แซะพับเป็นรูป

สี่เหลี่ยม นำขึ้นจากกระทะ 



>>>เคล็ดลับสำหรับการทำขนมลาที่ชุมชนน้ำทำน๊าค่ะ<<<



  • ไข่ต้มใช้เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง



  • กะลาหรือกระป๋องเจาะรูเล็ก ๆถี่ ๆ สำหรับโรยเส้น



  • ไม้แหลมสำหรับแซะขนม 2 อัน


  • กระทะก้นแบน (ถ้าไม่มีใช้กระทะก้นมนได้)

>>>ป้าพรบอกว่าก่อนตักแป้งใส่กะลาให้คนแป้งเสียก่อนทุกครั้ง 

ถ้าแป้งนอนก้นเส้นจะขาดได้ ถ้าขนมหวานจัดเกินไปเส้นจะขาด

ขณะที่โรยได้เช่นเดียวกัน




>>>>แต๊แต๊นแต๋นนนนน............


>>>>ขอบคุณเพื่อน ๆทุกคนน๊าที่ติดตามบล๊อคของน้ำจนจบ

เสร็จแว้ววววขนมลาร้อนๆ ไม่หวานมาก

ของโปรดน้ำเลยยยยยย  อร่อยมว๊ากกกกกก ใครอยากลองทำ


ก็นำวิธีน้ำไปใช้ได้เลยย


ใครไม่อยากทำ ฝากซื้อได้น๊าาา  ปิดเทอมนี้เดี๋ยวซื้อมาฝาก  


รับรองอร่อยแน่นอนนนน


บายยยยยยยย ไปแว๊วววววววว

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ลูกโป่งแสนธรรมดาปิ๊งๆเปลี่ยนเป็นเคส สุดเจ๋ง

#ลูกโป่งที่แสนจะธรรมดา  ราคาถูก  ถ้ามาแปรสภาพจะกลายเป็นเคสสุดเจ๋งยังไง ตามน้ำมาดูกันเล๊ยยยยยยยย  บรื้นนนนนน.....




วิธีที่ 1 ก็แค่เป่าลูกโป่งให้ใหญ่กว่าตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของ

เพื่อน ๆ


วิธีที่2 เอาสมาร์ทโฟนวางไว้ตรงกลางของลูกโป่ง และค่อยๆ

กดลงพร้อมกับปล่อยลมจากลูกโป่งออก จากนั้นก็จะได้ตาม

ภาพด้านบนเลยล่ะ  :D 


เห็นแล้วใช้มั้ยวิธีที่น้ำมานำเสนอเป็นวิธีที่ง่ายมว๊ากกกกกกกก

กกกกกกกก ประหยัดเงิน

และประหยัดเวลาได้อีกด้วย ที่สำคัญน๊า ภูมิใจเพราะเป็นเคส

ใส่สมาร์ทโฟนที่เราทำเอง เพื่อนๆ คนไหนอยากเขียนชื่อไว้ที่

ด้านหลังหรือใส่กากเพชรก็สามารถทำได้เลย  สวยไม่เหมือน

ใครแน่นอน  


>>ไปล่ะน๊าาาาาา เพื่อนๆคนไหนสนใจและชื่นชอบในไอเดีย

น้ำลองทำกันดูน๊าา บ๊ะบายยยยย






วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

"คอนเฟลก" ของกินเล่นยอดฮิต ที่มีวิธีทำแสนง่าย ตามดูกันโลยยย

                           >>>เริ่มกันเลยยยยย  วู้วว

สูตรนี้สำหรับคอนเฟลกกล่องขนาด 150 กรัม1กล่องนะคะ
สิ่งที่ต้องมี
เนยสด 50 กรัม
น้ำตาลทราย 2ชต.
นมข้นจืด 2 ชต.
แป้งอเนกประสงค์ 1 ชต.
เกลือหยิบนิ้ว
น้ำผึ้ง 50 กรัม
วนิลา 1/2 ชช./ไม่ใส่ก้อได้

***ลูกเกดดำ/ขาว
***อัลมอนด์สไลด์
*** ถ้าชอบใส่หรือไม่ใส่หรือเปลี่ยนเป็นถั่วที่ชอบ ผลไม้แห้งที่ชอบก้อได้ค่ะ


เตรียมของพร้อมก้อมาลงมือทำกันเลยภาพไม่ละเอียดเท่าไหร่นะคะเพราะขั้นตอนไม่ได้เยอะค่ะ
-เอาเนย น้ำตาลทราย นมข้นจืด เกลือ ใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆคนให้เนยละลาย 
-ใส่แป้งคนเร็วๆให้แป้งละลายไม่เป็นเม็ด 
-ยกลงใส่น้ำผึ้ง วนิลา กวนให้เข้ากันแล้วนำไปคลุกกับคอนเฟลก /ทยอยคลุกนะคะอย่าใส่พรวดลงไปทีเดียวเดี๋ยวจะคลุกได้ไม่ทั่ว 
-จะใส่ถั่วใส่อะไรก้อตามชอบ เราชอบใส่อัลมอนด์สไลด์ กับลูกเกด คลุกเคล้าให้เข้ากัน /จะอบหรือไม่อบก้อได้ 
-ถ้าอบก้อเกลี่ยใส่ถาดเอากระดาษรองอบปูก่อนนะเเล้วส่งเข้าเตาอบเปิดไฟ 150องศาสัก 10 นาที
-เอาออกมาพลิกๆคือเอาพายยางพลิกกลับด้านคอนเฟลกน่ะเเล้วเอาไปอบต่ออีก5-10นาที 
-เอาออกมาพักบนตะเเกรงพอเย็นเก็บใส่ภาชนะสูญญากาศ ถ้าจะให้กรอบนานๆก้อเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ
ยากๆไม่ง่ายๆทำเนอะ



ส่วนของคาราเมลออกมาแบบนี้ค่ะ

***จริงๆเยอะกว่านี้นะคะ นึกจะถ่ายรูปก้อใส่ลงไปผสมส่วนนึงเเล้ว
ทยอยผสมคอนเฟลกทีละน้อยหมอกแบ่งสามรอบค่ะค่อยๆคลุกเคล้าให้ทั่วๆ


เวลาทำหมอกชอบใส่อัลมอนด์สไลด์ /อบให้สุกก่อนนะคะ

ถ้ามีลูกเกดก้อใส่ด้วย แต่บางทีหมดก้อไม่ใส่

คลุกเคล้าให้เข้ากันถึงขั้นตอนนี้ถ้าจะไม่อบก้อได้ถ้าไม่อบก้อเก็บใส่ภาชนะที่ปิดสนิทได้เลย


แต่ถ้าจะอบ ก้อเปิดเตาอบที่ 150 องศารอเลย
เอาคอนเฟลกที่คลุกเคล้าเรียบร้อยเกลี่ยลงถาดส่งเข้าเตาอบเลย 10 นาที เเรก
แล้วเอาออกมาพลิกบนลงล่าง อบต่ออีก5-10นาทีตามชอบ
ลืมถ่ายภาพตอนลงถาดเอารูปทำเก่าๆมาละกันถาดนี้ไม่มีลูกเกดปูกระดาษรองอบด้วยคาราเมลจะได้ไม่เหนียวติดถาด


ให้เย็นค่อยเก็บใส่ขวดใส่โหลที่เราเตรียมไว้เสร็จเเล้วเอาออกมาวางบนตะแกรงยกออกมาจากถาดทั้งกระดาษรองเลยค่ะพัก



หลังจากเย็นตัวลง นำมาใส่กระปุก ถือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วค๊า เย้ เย้
สูตรนี้ถือว่าไม่หวานน่ะค๊าา  สำหรับคนที่ชอบทานหวานอาจจะใส่น้ำผึ้งเพิ่มเข้าไป รับรองอร่อยกว่าซื้อแน่นอนเพราะฝีมือเราเอง  ทำไม่ยากด้วยเพื่อนๆลองนำไปทำกันน่ะ
บ๊ะบายยยยยยยยยยยย (ขอขอบคุณP..Little )